จดทะเบียนธุรกิจของคุณในเวียดนาม
คุณกำลังต้องการจดทะเบียนธุรกิจของคุณในประเทศเวียดนามหรือไม่?
การจดทะเบียนธุรกิจในประเทศเวียดนามอาจฟังดูซับซ้อน Inreach สามารถช่วยคุณวางแผนและดำเนินการจดทะเบียนธุรกิจของคุณในประเทศเวียดนามให้สำเร็จราบรื่น
1. ประเภทของบริษัทในเวียดนาม
- บริษัทจำกัด (Limited Liability Company)
- บริษัทร่วมหุ้น (Joint Stock Company)
- ห้างหุ้นส่วน (Partnership)
- สำนักงานตัวแทน (Representative Office)
- สาขาสำนักงาน (Branch Office)
2. ขั้นตอนการเตรียมการ
- กำหนดวัตถุประสงค์ของธุรกิจ: ตัดสินใจเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจและตรวจสอบให้แน่ใจว่ากิจกรรมทางธุรกิจเหล่านั้นสอดคล้องกับกฎหมายของประเทศเวียดนาม
- เลือกชื่อธุรกิจ: ชื่อบริษัทจะต้องไม่ซ้ำกันและเป็นไปตามกฎข้อบังคับในการตั้งชื่อ
- มีตัวแทนทางกฎหมาย: บริษัทต้องมีตัวแทนทางกฎหมายอย่างน้อยหนึ่งคนที่อาศัยอยู่ในประเทศเวียดนาม
3. เอกสารประกอบ
- เตรียมเอกสารที่จำเป็น:
- แบบฟอร์มจดทะเบียนธุรกิจ
- ข้อตกลงของผู้ถือหุ้นที่ครอบคลุม จำนวนหุ้น ราคาหุ้น โครงสร้างบริหาร ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท ฯลฯ
- รายชื่อผู้ถือหุ้น (สำหรับ Limited Liability Company และ Joint Stock Company)
- พาสปอร์ตของนักลงทุน และบัตรประชาชนของหุ้นส่วนชาวเวียดนาม
- สัญญาเช่าสำนักงาน
- ใบแสดงยอดเงินฝากธนาคารเพื่อพิสูจน์ว่ามีเงินทุนเพียงพอ
4. การยื่นคำขอ
- ยื่นคำขอ: ยื่นคำขอจดทะเบียนธุรกิจต่อ Department of Planning and Investment (DPI) ในจังหวัด/เมืองที่ต้องการจัดตั้งธุรกิจ
- ชำระค่าธรรมเนียมการลงทะเบียน
5. หลังการลงทะเบียน
- รับใบรับรองการจดทะเบียนธุรกิจ: โดยปกติจะออกภายใน 3-5 วันทำการ
- จัดทำตราประทับ: จัดทำตราประทับของบริษัทและจดทะเบียนกับสำนักงานทะเบียนธุรกิจ
- การลงทะเบียนภาษี: ลงทะเบียนภาษีที่สำนักงานภาษีท้องถิ่นและรับรหัสภาษี
- เปิดบัญชีธนาคารของบริษัท
- ใบอนุญาตเพิ่มเติม: บริษัทฯอาจจำเป็นต้องขอใบอนุญาตธุรกิจเฉพาะทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกิจกรรมทางธุรกิจที่ต้องการดำเนินการ
ประเภทของบริษัทในเวียดนาม: ข้อดีและข้อเสีย
1. บริษัทจำกัด (Limited Liability Company)
ข้อดี:
- ความรับผิดจำกัด: ความรับผิดของเจ้าของนั้นจำกัดไว้ที่ยอดทุนจดทะเบียนของบริษัท
- โครงสร้างที่เรียบง่าย: การจัดการง่าย มีข้อกำหนดและกฎระเบียบน้อย
- ไม่มีข้อกำหนดเงินทุนขั้นต่ำ
จุดด้อย:
- มีข้อจำกัดในการโอนหุ้น มีระเบียบและข้อกำหนดกำกับทำให้การโอนหุ้นทำได้ยากขึ้น
- การชำระทุน: การชำระทุนต้องแล้วเสร็จภายใน 90 วันนับจากวันที่จดทะเบียนธุรกิจ
2. บริษัทร่วมหุ้น (Joint Stock Company)
ข้อดี:
- ผู้ถือหุ้นไม่จำกัด: สามารถระดมทุนได้ง่ายผ่านการออกหุ้น
- ความสามารถในการโอน: หุ้นสามารถโอนได้ง่าย
- ศักยภาพในการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์: สามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้
จุดด้อย:
- การจัดการที่ซับซ้อน: ต้องมีคณะกรรมการและการกำกับดูแลที่ซับซ้อนมากขึ้น
- ข้อกำหนดที่สูงขึ้น: ต้องจัดส่งรายงานทางการเงินและปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวดมากขึ้น
3. ห้างหุ้นส่วน
ข้อดี:
- ผสมผสานความเชี่ยวชาญ: หุ้นส่วนสามารถผสมผสานทักษะและทรัพยากรกันได้
- รวมตัวง่าย: การฟอร์มธุรกิจง่ายกว่าและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าบริษัท
จุดด้อย:
- ความรับผิดไม่จำกัด: หุ้นส่วนมีความรับผิดไม่จำกัดในหนี้ของห้างหุ้นส่วน
- ข้อพิพาท: โครงสร้างนิติบุคลไม่เอื้อต่อการจัดการข้อพิพาทระหว่างหุ้นส่วน
4. สำนักงานผู้แทน
ข้อดี:
- จัดตั้งง่าย: ง่ายและรวดเร็ว
- การศึกษาตลาด: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการดำเนินการศึกษาตลาดและเริ่มต้นธุรกิจโดยไม่ต้องลงทุนมากนัก
จุดด้อย:
- จำกัดกิจกรรมที่ทำได้: ไม่สามารถทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดผลกำไรได้
- การตัดสินใจขึ้นกับบริษัทแม่
5. สำนักงานสาขา
ข้อดี:
- สามารถหารายได้ สามารถทำกำไรได้
- ขยายตัวง่าย
จุดด้อย:
- ไม่มีนิติบุคคลแยกต่างหาก: บริษัทแม่ต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินของสาขา
- ข้อกำหนดเข้มงวด: ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อกำหนดด้านการรายงานทางการเงิน
ประเภทธุรกิจที่ต้องมีหุ้นส่วนท้องถิ่นจึงจะจดทะเบียนได้ (Joint Stock Company)
ประเภทธุรกิจที่นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของหุ้นได้ไม่เกิน 49% และหุ้นส่วนชาวเวียดนามต้องเป็นเจ้าของหุ้นอย่างน้อย 51%
1. โทรคมนาคม
2. กิจการกระจายเสียงและสื่อ
3. ประกันภัย
5. การโฆษณา
4. โลจิสติกส์และการขนส่งสินค้า
6. การศึกษาและการฝึกอบรม
7. อสังหาริมทรัพย์
ข้อดีและข้อเสียของการจัดตั้ง JSC กับหุ้นส่วนท้องถิ่น
ข้อดี:
- เข้าสู่ภาคส่วนที่จำกัดสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ทำได้ง่ายขึ้น
- ได้รับประโยชน์จากความรู้ของหุ้นส่วนท้องถิ่น ในด้านตลาด วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
- ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์และเครือข่ายของหุ้นส่วนในท้องถิ่น
จุดด้อย:
- ต้องแบ่งการควบคุมและการตัดสินใจให้กับหุ้นส่วนในท้องถิ่น
- ต้องแบ่งปันผลกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้น
- ความเสี่ยงที่มาจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับหุ้นส่วนในท้องถิ่น
- จำเป็นต้องมีข้อตกลงที่มีรายละเอียดชัดเจนเพื่อสรุปความรับผิดชอบและความคาดหวังของแต่ละฝ่าย